-‘๑’- บ้านนอกเข้ากรุง เพื่อไปสอบตรงธรรมศาสตร์ -‘๑’-

ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 3 เมษายน พุทธศักราช 2551 ฉันเตรียมตัวจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะที่ฉันอยากเข้าน่ะเหรอ….คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา
ฉันเคยบอกใครต่อใครว่าจะเรียนพยาบาล แต่พอๆไปมาๆฉันก็มาฉุกคิดได้ว่า ตัวฉันคงไม่เหมาะกับคณะนั้นหรอก
มันไม่ Born To Be น่ะสิ เคยได้ยินป่ะ

ฉันเชื่อนะ ว่าคนเราจะเป็นอะไรสักอย่าง ยังไง๊ ยังไง มันก็จะต้องได้เป็นแบบนั้นอยู่วันยันย่ำ
ถึงแม้ว่า คนๆนั้นจะได้ร่ำได้เรียนในบางวิชาที่ไม่ตนเองไม่ชอบ
แต่สุดท้าย ตนเองก็จะไปประกอบอีกอาชีพหนึ่งที่ตนเองชอบและรักได้
แต่มันก็ไม่แน่เสมอไปใช่ป่ะ..

55+ เขียนไปอาจจะงงๆ ไม่เอาดีกว่า เปลี่ยนเรื่อง
ขอพูดต่อถึงเรื่องการเข้าไปสอบที่บางกอกเจ้าค่ะ

คือแบบนี้นะ….ฉันน่ะ มีความจำเป็นต้องไปก่อนวันสอบ 1 วัน
วันที่สอบจริงๆคือวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2551
ฉันก็เลยต้องเตรียมตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 เมษาฯ ไปตอนกลางคืนน่ะ
เพราะวันที่ 4 เมษาฯ ฉันต้องไปที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
เพื่อไปเอาใบประจำตัวผู้เข้าสอบ ไม่เช่นนั้นจะเข้าห้องสอบไม่ได้

ฉันก็ขึ้นรถตู้เข้ากรุงฯ คือแบบนี้นะ ที่บ้านป้าของฉันน่ะ แถวนั้นเค้าจะมีรถตู้มารับถึงที่หน้าบ้าน
โอ้โฮ ไฮโซ ซะไม่มี…

แต่ก็อย่างว่าแหละ กว่าจะไปถึงกรุงเทพได้ก็เช้า นับเวลาตั้งแต่ออกจากบ้านถึงที่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ 12 ชั่วโมงพอดิบพอดี
โอ้ว มันนานขนาดนั้นเลยเหรอ บางคนคิดแบบนั้น
ฉันว่า ถ้าฉันนั่งรถไปคนเดียว มันคงไม่นานขนาดนั้นหรอก
แต่ฉันต้องนั่งรถร่วมกับคนอื่นๆอีก 6-7  คนน่ะสิ
เจ้าของรถตู้ก็ต้องไปรับและไปส่งถึงหน้าบ้านเหมือนกัน
มันก็เลยนาน..ด้วยประการฉะนี้แล…

แต่ก็เอาเหอะ ไม่เป็นไร แค่นี้สบายมาก ดีหน่อยตรงที่รับ-ส่งถึงที่เลย ^^

พอมาถึงที่หน้าธรรมศาสตร์ รู้มั้ยว่าเป็นเวลากี่โมง

5555+

6 โมงเจ้าค่ะ 6 โมงเช้า

มาแล้วจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากรออยู่หน้าสนามหลวง ไม่รู้จะไปทำอะไร

ฉันก็เลยมีเวลาว่างมากพอที่จะเดินดูรอบๆท่าพระจันทร์
ไปดูตลาดแถวๆท่าพระจันทร์ ดูคนเปิดร้านขายของ
ฉันเห็นพระเดินบิณฑบาตรด้วยแหละ
มันเป็นความรู้สึกแปลกๆยังไงบอกไม่ถูกหรอกนะ
คือ ฉันน่ะ ก็เคยมาแถวๆนี้แล้วตอนมาเที่ยวที่พระบรมมหาราชวังกับคุณครูที่โรงเรียน
ฉันก็คิดว่า ทำไมคนมันเยอะเช่นนี้ เดินเบียดเสียดมากมาย

แต่พอตอนนี้ ฉันมาเดินอยู่คนเดียว …อื้ม….เก่งกล้าสามารถมาก
ฉันก็มีความรู้สึกที่ว่า การเดินเที่ยวเล่นในตัวเมืองกรุงเทพแบบเช้าๆเช่นนี้ มันก็เป็นความรู้สึกแปลกๆไปอีกแบบหนึ่ง
เมืองหลวงของประเทศไทยตอนเช้า โอ๊ว อากาศดีกว่าตอนสายๆ บ่ายๆ เที่ยงๆ เพราะรถไม่แน่น คนไม่เยอะ
ฉันเกลียดสถานที่ๆคนเยอะๆ มันร้อนน่ะ
แต่ถึงว่าอากาศที่นี่จะดีอย่างไร ก็สู้บ้านนอกของฉันไม่ได้หรอก
มันคนละแบบกัน จริงมั้ยค่ะ….

ฉันก็เดินเข้าไปร้าน 7-Eleven ที่ท่าพระจันทร์ ซื้อน้ำ ขนมปัง ช็อกโกแลตแล้วก็คอลเร็ต
ซื้อเสร็จก็เดินออกมาไปนั่งกินแถวๆสนามหลวง
คนเริ่มเยอะแล้ว
มีคนที่นอนแถวสนามหลวงด้วยแหละ มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากๆ 555+
มีทั้งคนที่มาจอดรถ แล้วเดินเข้าไปในพระบรมมหาราชวังเพื่อไปสักการะพระบรมศพพระพี่นางเธอ เจ้าฟังกัลยาณิวัฒนาฯ
คนพวกนั้นแต่งชุดดำเยอะมากๆ ฉันก็อยากเข้าไปนะ แต่ไม่กล้า อีกอย่างด้วยในตอนนั้นคือ ฉันไม่ได้แต่งชุดดำ

ฉันหยุดกินขนมปังที่สนามหลวงเพื่อเป็นอาหารของมื้อแรกในวันนี้
ว้าว เหมือนมาปิคนิกเลย

กินเสร็จก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็นั่งรอ เล่นเกมในมือถือ โทรศัพท์ จิปาถะเพื่อฆ่าเวลา
และแล้วเวลาก็ผ่านไปไม่รู้ตัว 8 โมงครึ่งแล้ว
ฉันก็เดินอ้อมสนามหลวง เดินเล่นๆนะ
ดูนก ดูคน ดูอะไรเพลินๆไปด้วย
ฉันเดินไปที่หน้าตึกคณะศิลปศาสตร์ โอ้ว ไม่กล้า เริ่มกลัวแล้วนะเนี่ย
ฉันเลยเดินไปโทรศัพท์ แล้วไปนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่ลานปรีดีย์ พนมยงค์

โอ๊ย อยู่หน้าโดมเลย
อยากเข้ามหาวิทยาลัยนี่จัง เฮ้อ นี่คือตัณหาชนิดหนึ่ง ตัณหาที่อยากเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้
ต้องทำให้ได้เลยคอยดู

แล้วก็นั่งคุยโทรศัพท์ประมาณครึ่งชั่วโมง บลาๆๆๆๆ
เสร็จจากคุยโทรศัพท์ก็ขึ้นไปเอาใบประจำตัวผู้เข้าห้องสอบ ที่หน้าห้องโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา
พอเอาเสร็จก็รีบไปเปลี่ยนชุดที่ห้องน้ำ เพราะตอนมาใส่ชุดนักเรียนอ่า เทห์ป่ะ 55+

แล้วฉันก็เดินไปที่หน้า ม.ธรรมศาสตร์ไปขึ้นแท็กซี่หาโรงแรมนอน

ฉันไปนอนที่โรงแรมฟลอริดาน่ะ
คืนตั้ง 800 บาท ค่าประกันอีก 500 แพงฉิ……

เอาเหอะ เพื่อความสบายและรวดเร็ว ก็คนไม่เคยมานอนที่นี่นี่นา
นี่แหละหนา ชีวิตของเด็กบ้านแตกสาแหรกขาดที่ต้องทำอะไรด้วยตนเอง
ไม่มีบ้านญาติอยู่ด้วย แล้วจะให้ทำเช่นไรใช่ป่ะ รู้แค่โรงแรมนี้ที่เดียวเท่านั้นแหละที่พอจะคลำทางไปได้
ไม่เป็นไรหรอก ไม่โทษใคร ชินแล้ว…

พอหาที่นอนได้แล้ว ประมาณ บ่ายๆก็ออกมาข้างนอกเพื่อมาหาอะไรกิน
ร้านที่ฉันพึ่งพิงก็หนีไม่พ้น 7-Eleven อีกแล้ว
แหม สะดวกซื้อจริงๆ ฉันชอบมาก อิอิ

แล้วก็ไม่รู้จะไปไหน ก็อยู่บนโรงแรมทั้งวัน อ่านหนังสือบ้าง ดูทีวีบ้าง บลาๆ
แล้วก็อาบน้ำ นอน ถึงเช้าเลย….

วันต่อมา….

ตื่นตอนตี 4 ครึ่ง อาบน้ำ แต่งตัว ชุดนักเรียน
ว้าว สอบเสร็จ วันนี้จะได้กลับบ้านแล้ว ดีใจจัง
ก็ออกจากโรงแรม เช็คเอ้าท์ตอน 6 โมงเช้า
นั่งรถแท็กซี่ไปที่อนุสาวรีย์ชัย เพื่อไปขึ้นรถเมล์
ย้ำนะค่ะ ย้ำ ขึ้นรถเมล์สาย 39 ไปที่ม.ธรรมศาสตร์ รังสิตเพื่อไปสอบ
หน้ารถก็เขียนว่า ธรรมศาสตร์รังสิต
พอไปถึง มันไปจอดที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
กรี๊ดๆๆๆๆอยากตายค่ะ
มันไม่ถึง ทำไงดีล่ะอีหนูเอ๊ย

ก็เลยถามยามหน้าธรรมศาสตร์ว่าจะไปขึ้นรถตู้เพื่อไปนั่งลงที่รังสิตเช่นไร
ยามก็ใจดี ชี้ไปที่นู้นเลยว่า นั่นเลยน้อง ไปซื้อตั๋วรอเลย เค้าจะไปกันแล้ว
วู้…..ดีใจมากมาย มีเพื่อนๆไปสอบด้วยตั้งหลายคน ^^
มีผู้ชายสองคนเดินเข้ามาในมหา’ลัย แล้วก็มาซื้อตั๋วเพื่อจะไปสอบเหมือนกัน
เห็นอีตานั่นมองฉันมาตั้งแต่เข้ามาที่นี่แล้ว
วู้ มองทำไม ไม่ชอบๆๆ
แล้วสักพักก็มีรถตู้มารับแต่เป็นเบอร์ 4
เพื่อนของอีตานั่นก็มาถามฉันว่านี่เป็นเบอร์อะไร ฉันก็บอกไป
แต่รถที่ฉันขึ้นน่ะมันเป็นเบอร์ 8
แล้วก็รอ สักพักรถเบอร์ 8 ก็มารับ
ก่ว่าจะมารับก็ 8 โมงแล้ว นานจัง

จากนั้น ฉันก็นั่งรถไปลงที่ธรรมศาสตร์ รังสิต หน้าตึกเรียนรวมสังคมศาสตร์ที่ฉันสอบเลย
โอ๊ว ดีจัง

พอลงไปน่ะ เห็นคนมาสอบ
โอ๊ย แทบจะเป็นลม
คนสอบเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วฉันจะติดมั้ยเนี่ย เศร้าเลย

เอาน่า ลองสักตั้ง แม่อุตสาห์ส่งเงิน เสียเงินมาให้สอบแล้ว
ต้องติด ต้องติด ต้องติด
ที่สำคัญ อุตสาห์นั่งอ่านหนังสือเกือบเดือน
ก่อนตั้งแต่แอดมิชชั่นแล้วมั้ง 555+

เอาน่า ไม่เสียเปล่า
หลังจากนั้นก็เดินขึ้นห้องสอบ ไปสอบ ไปสอบ ไปสอบ

ท่องไว้ ต้องติด ต้องติด และต้องติด
จากนั้นฉันก็ทำข้อสอบ ตั้งใจมากๆ ใช้เวลาจนหมดเลย

แล้วก็ออกมาก ถามว่าทำได้มั้ย
ก็ทำได้บ้าง แต่ก็มีบ้างที่ทำไม่ได้นะ
มีข้อสอบภาษาอังกฤษด้วย ยากมากๆเลย

เอาน่า ขอให้ติดแล้วกันถึงแม้ว่าจะเป็นคนสุดท้ายก็ตาม จริงมั้ย

จากนั้นก็นั่งรถตู้กลับบุรีรัมย์เลย^^

ถึงบ้านตอน 5 ทุ่มครึ่งค่ะ

อิอิ

จบแล้ว ชีวิตของบ้านนอกเข้ากรุง

เขียน ณ วันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2551 เวลา 15.02 น.